วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

อิทธิพลของสื่อสิ่งพิมพ์ "จดหมายลูกโซ่"


                               สื่อสิ่งพิมพ์แต่ละประเภทล้วนมีอิทธิพลต่อชุมชนและสังคมไทยทั้งนั้น แต่จะมีอิทธิพลมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่ที่ความน่าสนใจหรือแรงจูงใจของสื่อสิ่งพิมพ์นั้นๆ
                               “จดหมายลูกโซ่” เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีอิทธิพลต่อคนไทยอยู่ในระดับปานกลางถึงมาก เพราะจดหมายประเภทนี้มักจะเขียนให้คนเชื่อในเรื่องราวที่งมงายไร้สาระ เนื้อความในจดหมายส่วนใหญ่จะเป็นการเล่าเรื่องราวต่างๆ และจะกำหนดเงื่อนไขไว้ให้ผู้ที่ได้รับจดหมายทำตาม เช่น ให้เขียนหรือถ่ายสำเนาส่งต่อๆไปอีก 9, 19, 29 ฉบับ (จำนวนขึ้นอยู่ที่ในจดหมายระบุ) ถ้าไม่ทำตามที่จดหมายบอกจะพบเจอแต่เรื่องที่โชคร้าย หรืออาจทำให้มีอันเป็นไปถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่ถ้าทำตามจะร่ำรวย ถูกหวยรางวัลที่1, 2 เป็นต้น จะเห็นได้ว่าเนื้อความในจดหมายจะเขียนไปในทางขู่ให้กลัว โดยใช้ความตายมาเป็นเครื่องต่อรอง ซึ่งคนเราทุกคนกลัวความตายกันอยู่แล้ว นี้จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คนที่ได้รับจดหมายลูกโซ่ ส่งจดหมายนั้นๆ ต่อไปเป็นทอดๆ สมัยก่อนรูปแบบของจดหมายลูกโซ่จะเป็นกระดาษธรรมดา โดยใช้วิธีการเขียนคัดลอกหรือถ่ายสำเนาแล้วก็ส่งไปตามบ้าน, ที่ทำงาน, โรงเรียนหรือที่อื่นๆ ตามแต่ผู้เขียนจะส่งไป แต่ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของคนเรามากขึ้น จึงทำให้รูปแบบของจดหมายลูกโซ่เปลี่ยนไป คือจากจดหมายที่เขียนด้วยกระดาษธรรมดาๆ กลายเป็นการส่งตามอีเมล์ ,เฟสบุ๊ค หรือเขียนไว้ตามเว็บบอร์ดแทน

ตัวอย่างจดหมายลูกโซ่
เรียนท่านผู้โชคดี...
                              ขอให้ท่านนำเรื่องนี้ไปบอกต่อเป็นวิทยาทานท่านจะมีความสุขโชคดีตลอดกาลตำรานี้ใช้แก้โรคมะเร็งจะหายโดยไม่คาดคิดสำหรับมะเร็งภายในถ้าให้รับประทานยานี้จะเห็นผลภายใน 6 วัน ให้ไปซื้อยาที่ร้านขายยาจีนและซื้อ ตัวยาหัวเตย 1 ตำลึง หัวขิง 1 ตำลึง ก้อนเกลือ 2 ช้อน นำมารวมกันแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 1 วันในน้ำ 1 ชามใช้ดื่มทั้งวันทั้งคืนจนหมดชามหลังจากดื่มยานี้แล้วไม่ควรดื่มน้ำมากนำส่วนที่เหลือมารับประทานยานี้จะขับของเสียทางปัสสาวะหรืออุจาระไม่ต้องตกใจเป็นการขับถ่ายสารพิษและของเสียเมื่อออกหมดแล้วจะหายเป็นปกติตำรานี้ห้ามขายหรือคิดค่ารักษาและอย่าเก็บไว้เป็นส่วนตัวเด็ดขาดให้บอกต่อด้วยศรัทธาและกุศลจิตเมื่อท่านทำตามที่บอกข้างต้นปรากฏสิ่งใดจะมีแต่ความสุขสมหวังทุกประการ คุณนิมิตรเจ้าคุณคณะวัดกลางให้ท่านจงบอกเถิดตัวอย่างเช่น
..จังหวัดชลบุรีไม่ยอมบอกต่อก็ถึงแก่ความตาย
คุณเติมศักดิ์ได้รับจดหมายแล้วส่งต่อไป 29 ฉบับ ท่านถูกรางวัลที่ 1 ถึง 2 ฉบับ
คุณเลิศศรีได้รับจดหมายแล้วส่งต่อไป 29 ฉบับครอบครัวหายป่วยและถูกรางวัลที่ถึง 2 ฉบับและมีความสุขมาก
คุณเสรีกิจสมบัติคุณธีรวัฒน์แสงวิกรได้รับจดหมายนี้แล้วทำตามที่พระครูบอกไว้ปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 1 ถึง 3 ครั้ง
คุณวิภาวดีอยู่เฉยๆได้รับแล้วไม่ทำตามน้องชายเป็นผู้ส่งแทนน้องชายถูกรางวัลที่1 ถึง 2 ฉบับ
ถ้าท่านได้รับจดหมายแล้วส่งต่อภายใน 7 วันท่านจะโชคดีมากเช่นท่านพระครูสกลรวมโชคอ่านจบแล้วส่งต่อ 29 ฉบับเขียนและนำส่งไปยังที่ต่างห้ามแจกตามหมู่บ้านเป็นอันขาดตำราผีบอกนี้ปิดซองแล้วส่งต่อแล้วซื้อหวยรัฐบาลเลขอะไรก็ได้ที่ท่านชอบขอให้ท่านโชคดี
พระครูวิจิตธรรมโชติ

        โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนไม่มีความเชื่อเรื่องจดหมายลูกโซ่ ไม่กลัวคำขู่และไม่ส่งจดหมายต่อ เพราะคิดว่าถ้าหากว่าเราได้รับจดหมายแล้วส่งต่อไปให้คนอื่น ถ้าคนที่ได้รับจดหมายไม่เชื่อในเรื่องนี้ก็ดีไปเรื่องทุกอย่างก็จะจบ แต่ถ้าคนที่ได้รับเขาเชื่อแล้วก็กลัวกับคำขู่นั้น เขาก็จะทำทุกอย่างตามที่จดหมายขู่ เขาจะความกังวลไปต่างๆ นาๆ ไม่มีความสุข ซึ่งนั้นก็หมายความว่าคนที่ส่งนั้นแหละบาปมาก เพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนอีกหลายๆ คนต้องเป็นทุกข์ แต่กว่าผู้เขียนจะคิดได้แบบนี้ ผู้เขียนก็เคยเกือบตกเป็นเหยื่อของจดหมายลูกโซ่มาแล้วเหมือนกัน เรื่องมีอยู่ว่าสมัยที่ผู้เขียนเรียนอยู่ชั้นม.ต้น ผู้เขียนได้รับจดหมายลูกโซ่มาฉบับหนึ่ง ผู้เขียนกังวลใจและกลัวว่าถ้าไม่ทำตามแล้วจะต้องตาย ผู้เขียนจึงนั่งเขียนจดหมายนั้นหลายฉบับมากจนเมื่อยมือไปหมด ท้อและไม่อยากเขียนต่อไปแล้ว ผู้เขียนเลยแกล้งถามพ่อว่า.....

“พ่อเคยได้รับจดหมายลูกโซ่ไหม”
พ่อ          :               เคย
ผู้เขียน   :               แล้วพ่อทำยังไงกับจดหมายล่ะ
พ่อ          :               โยนทิ้งถังขยะ
ผู้เขียน    :               พ่อไม่กลัวหรอ
พ่อ          :               ไม่กลัว เคยได้มาหลายฉบับแล้ว ไม่เคยทำตามเลย ก็ไม่เห็นจะตายนิ
ผู้เขียน   :               เริ่มมีกำลังใจล่ะ
พ่อ          :               พ่อไม่เชื่อเลยเรื่องบ้าบอแบบนี้ แต่มีเพื่อนพ่อที่ทำงานคนหนึ่ง ได้รับจดหมายลูกโซ่แล้วเขากลัวมาก วันๆ ไม่ทำการทำงานนั่งเขียนแต่จดหมาย เพราะเขากลัวว่าจะเป็นไปตามคำขู่ของจดหมายไง แล้วช่วงนั้นน่ะเป็นช่วงที่จดหมายลูกโซ่กำลังระบาดเลย เขาได้กี่ฉบับๆ เขาก็เขียนแล้วส่งต่อไปเรื่อยเลย พ่อว่าเขาน่าสงสารมากน่ะ คนที่ส่งมาจะรู้บ้างไหมว่าทำให้คนหนึ่งคนไม่เป็นอันทำอะไรเลย กลัวและกังวลไปซะทุกเรื่อง ถ้าลูกได้รับจดหมายมาก็ไม่ต้องกลัวน่ะ ทิ้งไปเลยแล้วคอยดูซิว่าจะเป็นจริงตามที่จดหมายบอกไหม
...................หลังจากจบบทสนทนากับพ่อ ก็ทำให้ผู้เขียนตาสว่างเลยค่ะ เลิกเขียน เลิกเชื่อ เลิกงมงายไปเลยทีเดียว.................



                            สุดท้ายนี้ผู้เขียนอยากจะฝากไว้ว่า อย่าปล่อยให้สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ เขามามีอิทธิพลกับตัวเรามากจนเกินไป ในการที่เรารับสื่อเข้ามาทุกๆครั้ง ควรคิด ไตร่ตรอง วิเคราะห์ พิจารณาและควรใช้วิจารณญาณในการติดตามสื่อให้มากๆ เพราะสื่อไม่ได้นำเสนอเรื่องราวความจริงทั้งหมด หรือบางทีอาจจะบิดเบือนความจริงไปเลยก็มี เพราะฉะนั้นควรมีสติ คิดและพิจารณาให้ดีก่อนที่จะเชื่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง






ขอขอบคุณ...

http://forum.herorangers.com/index.php?topic=4759.0

guru.sanook.com

http://board.palungjit.com/f70/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87-%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%A3-%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99-66052.html